Knowledge


คลังความรู้

ระบบทำความเย็น ชิลเลอร์ (Chiller) กับ Digital Innovation

   “อาคาร” เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงมากใช้เพื่อดำเนินกิจกรรมต่างๆของผู้คน ต่อยอดธุรกิจให้เติบโตพร้อมสภาวะการแข่งขันอันดุเดือด อาคารที่ดีมีคุณภาพย่อมสร้างความพึงพอใจให้ผู้ใช้งานรวมถึงเพิ่มมูลค่าต่อสินทรัพย์แก่เจ้าของอาคาร อาคารที่ไม่มีคุณภาพย่อมสร้างภาระให้กับผู้ใช้อาคาร ทำให้อาคารนั้นๆไม่น่าใช้งานและยังลดทอนมูลค่าสินทรัพย์ลงอีกด้วย การดำเนินกิจกรรมในอาคารนั้นประกอบไปด้วยหลากหลายปัจจัยเช่น น้ำไหล ไฟสว่าง แอร์เย็น เป็นต้นซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของระบบอาคารให้ผู้ใช้งานสะดวกสบายพร้อมทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างราบรื่น 

             ในภาคธุรกิจ อาคารสำนักงาน โรงแรม โรงพยาบาลหรือโรงงานนิคมอุตสาหกรรม การใช้งานอาคารให้ได้เต็มประสิทธิภาพนั้นต้องมีองค์ประกอบทางวิศวกรรมอาคารทั้ง 5 ระบบด้วยกันได้แก่ ระบบไฟฟ้าและสื่อสาร ระบบปรับอากาศ ระบบสุขาภิบาล ระบบป้องกันเพลิงไหม้ และระบบขนส่งในอาคาร ทั้งหมดนี้เปรียบเสมือนอวัยวะภายในของคนเราที่จะทำให้ร่างกาย (อาคาร) ใช้งานได้มีประสิทธิภาพ และระบบปรับอากาศถือเป็นระบบที่ผู้อยู่ในอาคารใช้งานกันมากที่สุดอีกทั้งยังเป็นระบบที่มีสัดส่วนการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงที่สุดของต้นทุนพลังงานทั้งหมด หลายธุรกิจต่างต้องการลดความร้อนในอาคารให้โดยยังคงความสะดวกสบายในการใช้งาน มักมองไปที่การปรับวัสดุเลือกใช้เพื่อกันความร้อนเข้ามาในอาคารโดยอาจลืมมองการออกแบบระบบปรับอากาศที่ดีและถูกต้องซึ่งจะช่วยให้ประหยัดพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพ ลดภาระต้นทุนของธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น 

             ดังนั้นการลดต้นทุนพลังงานอย่างระบบปรับอากาศเป็นสิ่งสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการดำเนินธุรกิจ การเลือกระบบปรับอากาศและมอเตอร์ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ระบบปรับอากาศมีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Split Type , VRVและ Chiller โดยสำหรับธุรกิจอาคารขนาดใหญ่ระบบปรับอากาศแบบ “ชิลเลอร์ Chiller” เป็นสิ่งที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการทำความเย็นดีที่สุดรวมถึงยังดีต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากไม่มีสาร CFC ที่ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้ธุรกิจสมัยใหม่ที่ตระหนักถึงความยั่งยืน (Sustainability) สามารถดำเนินธุรกิจตามรูปแบบ ESG (Environment, Social, Governance) เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายโลกอย่าง SDGs (Sustainable Development Goals) และ Net Zero ในอนาคต 

             ระบบปรับอากาศแบบ ชิลเลอร์ (Chiller) เป็นระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ ทำหน้าที่ผลิตน้ำเย็น โดยการลดอุณหภูมิน้ำเพื่อแจกจ่ายไปยังเครื่องปรับอากาศต่างๆ ในอาคาร มักใช้ในอาคารธุรกิจขนาดใหญ่เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้าหรือโรงงานอุตสาหกรรม มีประสิทธิภาพสูง ควบคุมอุณหภูมิได้ดี บำรุงรักษาง่าย  

Chiller มีกี่ประเภท? 

 ชิลเลอร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 

             แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ (Water Cooled Chiller) เป็นระบบที่มีขนาดใหญ่ มีประสิทธิภาพในการทำความเย็นสูง โดยหลักการทำงานคือการใช้คอมเพรสเซอร์อัดสารทำความเย็นซึ่งอยู่ในรูปแบบของก๊าซเย็นความดันต่ำ จนกลายเป็นไอร้อนก่อนที่สารทำความเย็นนี้จะถ่ายเทความร้อนออกผ่านแผงระบายความร้อน เพื่อแปรสภาพเป็นของเหลว และลดความดันด้วยอุปกรณ์ลดแรงดันก่อนนำความเย็นที่ได้ไปใช้งาน การระบายความร้อนออกจากระบบจะใช้น้ำเป็นตัวกลางในการดึงความร้อนออกจากสารทำความเย็น ผ่านทางแผงระบายความร้อนจึงจำเป็นต้องมีหอหล่อเย็น (Cooling tower) เพื่อลดอุณหภูมิน้ำเพื่อนำกลับไปใช้ใหม่ในระบบ ระบบนี้เหมาะกับอาคารขนาดใหญ่ และต้องการสมรรถนะในการทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพสูง 

             แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air Cooled Chiller) เป็นระบบที่มีขนาดเล็กกว่าระบบแบบระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่แตกต่างกันที่การระบายความร้อนซึ่งระบบนี้จะไม่มีวงจรของน้ำมาระบายความร้อนเพราะใช้อากาศในการระบายความร้อนแทน การระบายความร้อนออกจากสารทำความเย็นจะใช้อากาศดูดหรือเป่าไปยังขดท่อความร้อน ซึ่งพัดลมอาจมีจำนวนหลายชุดใน Chiller แต่ละชุด ดังนั้นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามากที่สุดคือ เครื่องทำน้ำเย็นและมีอุปกรณ์ประกอบคือ ปั๊มน้ำเย็นและอุปกรณ์ส่งจ่ายลมเย็น  

ทำไม Chiller ถึงเป็นที่นิยมกับอาคาร? 

      Chiller ทำความเย็นได้รวดเร็ว ทั่วถึง และได้พร้อมกันหลายจุดทั่วอาคาร เพราะเป็นระบบทำความเย็นแบบรวมศูนย์ขนาดใหญ่ 

      Chiller ช่วยประหยัดพลังงาน ลดค่าไฟให้ลดลง   

      Chiller ช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้งานของอาคาร ไม่ต้องมี Compressor แอร์อยู่หน้าระเบียงหรือสำนักงาน 

      Chiller เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะไม่มีสาร CFC ทำลายชั้นบรรยากาศของโลก  

ระบบทำความเย็นแบบ Chiller เป็นระบบขนาดใหญ่ มีความยุ่งยากการบำรุงรักษาและบริหารจัดการ อีกทั้งยังกินพลังงานมาก จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลบำรุงรักษาและคอยตรวจสอบติดตามตลอดเวลา ในการดูแลเครื่องจักรขนาดใหญ่อย่าง Chiller ใช้เพียงแค่แรงงานบุคคลอาจเกิดปัญหา Human Error ได้ บริษัทชั้นนำหลายแห่งจึงมีการนำเทคโนโลยีมาพัฒนามาทำงานร่วมกับระบบ Chiller อย่างระบบ DI (Digital Innovation)  

Digital Innovation (DI) 

INNO รู้ดีว่าพลังงานเป็นสิ่งสำคัญ มองเห็นต้นทุนของพลังงานอย่างระบบปรับอากาศในอาคารที่สูงกว่าต้นทุนพลังงานส่วนอื่นและถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ปริมาณไฟฟ้าสูงที่สุด ด้วยเหตุนี้การบริหารจัดการระบบปรับอากาศทำความเย็นอย่าง Chiller ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่หากบริหารจัดการได้อย่างเหมาะสมจะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าลงมาได้อย่างมีนัยสำคัญ 

 DI เป็นนวัตกรรมดิจิทัล Building Management System ดูแลระบบวิศวกรรมอาคารครบวงจร ผ่านเทคโนโลยี IoT (Internet of Things)สามารถทำการเก็บข้อมูล นำมาวิเคราะห์พร้อมประมวลผลในการบริหารจัดการอย่าง Chiller บนระบบ Cloud ด้วยหลักการ ตรวจสอบ วิเคราะห์ แสดงผล(รายงาน) ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ สามารถรายงานผลต่อผู้บริหารได้อย่างรวดเร็ว ค้นหาสิ่งผิดปกติ ลดข้อผิดพลาดในการบันทึกข้อมูลหรือลดระยะเวลาที่ใช้ในการปฏิบัติงาน สามารถช่วยยืนยันข้อมูลและแสดงสถานะประสิทธิภาพการทำงานระบบ Chiller ณ ปัจจุบันได้ รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังและประเมินความเสี่ยงเพื่อรักษาการทำงานของ Chiller ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ  

INNO มอบสิทธิพิเศษสุดสำหรับผู้เห็น Blog นี้ รีบด่วนจำนวนจำกัด ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2565 นี้เท่านั้น!!! 

.

             INNO ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมอาคาร รวมถึงงานบริหารจัดการพลังงานภายในอาคารพร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยตอบโจทย์การบริหารจัดการทรัพยากรอาคารของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยประสบการณ์มายาวนานกว่า 28 ปี และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามามากกว่า 100 องค์กรชั้นนำของประเทศ ทางบริษัท อินโนเวชั่น เทคโนโลยี จำกัด ยินดีให้บริการ หากสนใจติดต่อเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02 941 4080 หรือ คลิกที่นี่ เพื่อให้เราติดต่อกลับ